วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การเขียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ : Facebook


   ๒.๒ เฟซบุ๊ก (Facebook)


เฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นบริการเครือยข่ายสังคมและเว็บไซต์เปิดใช้งานเมื่อ๔กุมภาพันธ์ค.ศ.๒00๔ เฟซบุ๊กมีผู้ใช้ประจำ ๕00 ล้านบัญชี ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้างข้อมูลส่วนตัว เพิ่มรายชื่อผู้ใช้อื่นในฐานะเพื่อนและแลกเปลี่ยนข้อความ รวมถึงได้รับแจ้งโดยทันทีเมื่อบุคคลที่ติดต่อด้วยปรับปรุงข้อมูลส่วนตัว นอกจากนั้นผู้ใช้ยังสามารถรวมกลุ่มความสนใจส่วนตัว จัดระบบตามสถานที่ทำงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรืออื่นๆ เฟซบุ๊กอนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าสมัครลงทะเบียนกับเฟซบุ๊กโดยต้องมีอายุมากกว่า๑๓ปีขึ้นไป

จากการศึกษาของเว็บไซต์ คอมพีต.คอม (compete.com) เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.๒00๙ พบว่าเฟซบุ๊กเป็นบริการเครือข่ายสังคมที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด รองลงมาคือมายสเปซ ซึ่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์วีกลีจัดให้เฟซบุ๊กอยู่ในรายชื่อของสิ่งที่ดีที่สุดในสิ้นทศวรรษ

๑)แนวทางการใช้งานเฟซบุ๊ก ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมเครือข่ายทางสังคมประเภทนี้สามารถปฏิบัติตามแวทางได้ ดังนี้

๑.เข้าไปที่ www.facebook.com จากนั้นจะมีช่องให้สำหรับกรอกข้อมูลการสมัครเบื้อง้ตน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล (Full name) อีเมล (ให้สำหรับยืนยันในการเปิดใช้บริการครั้งแรก) เพศ วัน เดือน ปีเกิด รหัสผ่าน ตามลำดับ จากนั้นกดปุ่ม ลงทะเบียน

๒.เมื่อกดปุ่มแล้วมีหน้าจอสำหรับใส่รหัส ให้พิมพ์เหมือนกับในช่องที่มีตัวอักษร เมื่อใส่เสร็จแล้วกดปุ่ม Log in หรือเข้าสู่ระบบ

๓.ระบบจะแจ้งว่า ให้ตรวจสอบอีเมลที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้

๔.เมื่อเปิดอีเมลที่ทาง Facebook ส่งมาให้แล้ว ให้คลิกที่ลิงก์ที่อยู่ในอีมเลนั้นเพื่อยืนยันสถานการณ์ลงทะเบียน จากนั้นจะมาที่หน้าจอสำหรับค้นหาเพื่อนจากอีเมล ซึ่งหากใช้อีเมลของฮอตเมล (hotmail)สมัคร สามารถค้นหาว่าเพื่อนคนไหนที่เล่น Facebook บ้าง แต่หากใช้อีเมลอื่นให้คลิกที่คำว่า Find people you instant message คลิกที่คำว่า Skip step ที่อยู่ทางด้านมุมขวาล่างหากต้องการข้ามขั้นตอน

๕.ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนสำหรับใส่ประวัติการศึกษา สามารถเลือกชื่อสถานที่ศึกษา ปีที่สำเร็จการศึกษา ซึง่ต่อมาระบบจะค้นหารายชื่อเพื่อนๆให้โดยอัตโนมัติ

๖.ขั้นตอนสุดท้ายให้เลือกประเทศ เมือง หรือจังหวัด เพื่อระบบจะช่วยค้นหารายชื่อผู้เล่น Facebook ในประเทศนั้นให้

๗.เมื่อทำตามขั้นตอนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มาที่หน้าแรกของ facebook ซึ่งในตอนแรกยังคงเป็นหน้าว่างๆให้คลิกที่Profile จากนั้น ให้คลิกคำว่า Add photos ซึ่งสามารถสร้างอัลบั้มต่างๆเองได้ รวมไปถึงกำหนดสิทธิ์ได้ว่าอนุญาตให้ใครดูอัลบั้มรูปของเราได้บ้าง หากคอมพิวเตอร์มีกล้องเว็บแคมก็สามารถถ่ายรูป แล้วอัพโหลดขึ้น Facebook ได้ทันที โดยให้คลิกที่คำว่า Take a photo หากต้องการใช้รูปที่มีอยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ ให้คลิกที่คำว่า Post a photo แล้วกดปุ่ม Browse เพื่อเลือกรุปที่อยู่ในคอมพิวเตอร์นั้นๆ สุดท้ายให้กดปุ่ม Post การสร้างรูปโปรไฟล์ (Profile) สามารถกระทำได้ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยากเริ่มแรกให้เข้าไปที่หน้าแรก จากนั้นใต้รูปจะมีคำว่า Upload Profile Picture และ Take a webcam picture หากต้องการรูปที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ให้คลิกที่คำว่า Upload Profile Picture จากนั้นให้กดปุ่ม Browse เพื่อเลือกรูปที่ต้องการเป็นรูปโปรไฟล์

๘.การเขียนบันทึกให้เพื่อนๆได้อ่านหรือเก็บไว้เตือนความจำ ผู้ใช้สามารถเขียนเรื่องราวความทรงจำ ความประทับใจ โดยใกล้ๆคำว่า add video จะมีคำว่า write note ให้คลิกที่คำนี้ จากนั้นจะมีช่องสำหรับใส่ชื่อเรื่อง (title) และเนื้อหา (body) เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อย ให้กดปุ่ม post แต่ถ้าในกรณีที่มีบัญชีทางเฟซบุ๊กอยู่แล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปได้ที่ www.facebook.com มุมขวาบนมือจะมีช่องให้กรอกอีเมล (ซึ่งเป็นอีเมลที่ใช้สำหรับการสมัคร) กรอกรหัสผ่าน กดปุ่มเข้าสู่ระบบ ก็จะสามารถใช้งานบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภทนี้ได้



๒)แนวทางการใช้ภาษาเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก

๑.หากเป็นเรื่องส่วนตัวควรใช้วิธีส่งข้อความทางแมสเสจ (message) แทนการเขียนไว้หรือโพสต์บนวอลล์ (wall) ซึ่งบุคคลอื่นสามารถรับรู้และอาจเกิดความเข้าใจในผู้ส่งสารผิดได้

๒.คิดให้รอบคอบทุกครั้งว่าสิ่งที่เขียน จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด พาดพิง อ้างถึง หรือก่อให้เกิดความไม่สบายใจหรือไม่

๓.หากเป็นเรื่องเร่วด่วน หรือมีความสำคัญควรใช้การติดต่อช่องทางอื่น เช่น โทรศัพท์ เพราะอาจสะท้อนถึงความไม่ทุกข์ร้อนหรือไม่ใส่ใจของผู้ส่งสาร เพราะในบางครั้งผู้รับสารอาจไม่ได้มีเวลามาเปิดเฟซบุ๊กของตนทำให้ผู้ส่งสารสูญเสียประโยชน์ได้




-ช่องสำหรับการเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อสถานะของผู้อื่น

 



-ช่องสำหรับการโพสต์ข้คอวาม เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งทั้งสองตำแหน่งข้างต้น ผู้ที่เขียนข้อความจะต้องใช้วิจารณญาณในการคิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองที่จะเขียนลงไป เพราะบางข้อความที่เขียนลงไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ส่งสารได้ในภายหลัง



๔.ไม่ควรเขียนแสดงความคิดเห็น หรือการโพสต์คอมเมนต์บ่อยเกินไปหรือทุกกรณีจนอาจทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิดว่าเรากำลังเผ้าติดตามชีวิตของผู้อื่น

๕.การส่งข้อความด้วยภาษาเขียน ควรเลือกใช้คำที่แปลความหมายได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่มีความหมายแฝง สำนวนภาษาที่อาจทำให้ผู้รับสารตีความเป็นอย่างอื่นซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ส่งสารหรือผู้เกี่ยวข้องได้ในภายหลัง

๖.ไม่ควรเขียนอัพเดต(update) สถานะของตนเองมากเกินไป ควรเลือกเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจมาแบ่งปันสู่ผู้อื่น

๗.หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์แต่เฉพาะในด้านลบ ว่ากล่าว ตำหนิ หรือใช้ถ้อยคำรุนแรงในการแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะเรื่องของผู้อื่น หรือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก

๘.หลีกเลี่ยงการส่งต่อจดหมายลูกโซ่หรือส่งภาพ แบ่งปันข้อความที่อาจไปรบกวนผู้อื่น



การใช้ภาษาเขียน สื่อสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ผู้ส่งสารจะต้องใช้วิจารณญาณ ใคร่ครวญ ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เพราะเมื่อใดที่กดปุ่มEnter ข้อความเหล่านี้จะเผยแพร่สู่สาธารณชนในทันที และอาจไปสร้างความรู้สึกขุ่นเคืองใจ เข้าใจผิด ให้กับผู้ที่พาดพิงถึงจนอาจกลายเป็นปัญหาเหมือนที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน เช่น การฟ้องร้องหมิ่นประมาท เป็นต้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น